วางแผนเงินสุขภาพเลือกทำประกัน หรือเก็บเงินเองเจ๋งกว่า
หลายคนมักตั้งคำถามในแต่ละวัน ว่าวันนี้ พรุ่งนี้ หรือวันไหน ๆ จะเกิดปัญหาสุขภาพอะไรขึ้นกับเราหรือไม่ เพราะทุกวันนี้อะไร ๆ ก็ไม่แน่นอน ทุกวันนี้สุขภาพร่างกายแข็งดีแรง แต่เผลอ ๆ วันหนึ่งอาจเกิดปัญหาด้านสุขภาพด้านใดด้านหนึ่งขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นสิ่งแรกที่หลายคนเป็นกังวลคงหนีไม่พ้นเรื่องค่ารักษาพยาบาล
นั่นจึงทำให้คนเกิดความสงสัยว่าจริง ๆ แล้ว ระหว่างการเลือกทำประกันสุขภาพ หรือเก็บเงินสำรองเองแต่ในแต่ละเดือนจะเป็นวิธีที่ช่วยเอื้อต่อความเสี่ยงในอนาคตได้มากกว่ากัน? วันนี้เราไม่ปล่อยให้ทุกคนรอนาน เรารวมข้อมูลที่น่าสนใจของคำถามดังกล่าวที่เชือดเฉือนไม่ลงมาฝากกัน
เก็บเงินสำรองเอง VS ทำประกันสุขภาพ อย่างไหนดีกว่ากัน
ทุกครั้งที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล (ได้มาตรฐาน ไม่ต้องรอนาน) มักมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่ชวนขนหัวลุกเสมอ ที่แม้ว่าแต่ละบริษัท หน่วยงาน หรือออฟฟิศจะมีสวัสดิการหรือประกันสังคมคอยช่วยเหลือ แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะครอบคลุมการรักษาได้ทั้งหมด สุดท้ายคนเราก็ต้องพึ่งพาตัวเองและคนในครอบครัวอยู่ดี ดังนั้นการวางแผนรับมือกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด จึงเป็นสิ่งที่มนุษย์ควรทำเสมอ โดยสองทางรับมือสำหรับการดูแลสุขภาพคือ เก็บเงินสำรองเอง VS ทำประกันสุขภาพ เรามาดูกันว่าจริง ๆ แล้วอะไรเป็นช่วยที่ดีกว่า

เริ่มจากเก็บเงินสำรองในบัญชีแยก หลายคนมักชอบข้อนี้ เพราะเราเป็นคนถือเงินเอง ทำได้ง่าย ถ้าไม่มีความเสี่ยงที่จะต้องเข้าโรงพยาบาลก็ไม่ต้องจ่าย แถมยังสามารถควบคุมเงินเองได้อย่างเต็มที่ สามารถเอาเงินที่มีไปหมุนใช้ในเรื่องอื่น ๆ ก่อนได้เสมอ แต่ในขณะที่การเลือกทำประกันสุขภาพส่วนใหญ่มักเป็นแบบจ่ายทิ้ง หากไม่ได้เป็นอะไรขึ้นมาก็มักต้องเสียเงินประกันส่วนนี้ไป โดยที่เงินก้อนนั้นไม่ได้ถูกหยิบออกมาใช้เลย
แต่ทุกคนรู้หรือไม่! ว่าเงินสำรองฉุกเฉินที่เตรียมเอาไว้ นานวันเข้าค่าเงินมันก็เล็กลงตามเวลาเหมือนกัน ที่สำคัญหากเกิดเหตุฉุกเฉินใหญ่ ๆ ขึ้นมา แล้วเงินสำรองล่ะต้องเก็บเอาไว้เท่าไหร่ถึงจะพอ? แน่นอนว่ามันเป็นจำนวนที่มากพอตัว ที่เท่ากับว่าเราต้องจ่ายเงินต่อการรักษาเป็นเงินเดือนรวมกว่า 3 – 6 เดือนเป็นอย่างน้อย (ขึ้นอยู่กับอาการเจ็บป่วยและสถานพยาบาลที่เข้ารับการรักษา) ซึ่งเงินสำรองที่ว่าอาจไม่รวมรายจ่ายอื่น ๆ อย่างค่าตรวจ ค่ายาที่ต้องมีอย่างต่อเนื่อง เงินหมดก็ต้องเก็บกันใหม่ แล้วถ้าโรคไม่หายล่ะ? รักษาต่อเนื่อง เงินหมด วุ่นวายเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน ถึงครานั้นจะเลือกทำประกันสุขภาพก็ไม่ทันเสียแล้ว..

กลับกันกับประกันสุขภาพ ที่แม้ว่าเราอาจเสียผลประโยชน์ในกรณีที่ทั้งปีไม่เคยหาหมอ ไม่เคยรักษา ไม่เคยรับยา แต่มันเป็นสิ่งที่ช่วยครอบคลุมการใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี ทั้งค่ารักษา ค่าห้อง ค่ายา และยังรวมกรณีเสียชีวิต ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าคนข้างหลังจะอยู่อย่างไรหากผู้เอาประกันเป็นอะไรไปจริง ๆ ส่วนเบี้ยเริ่มต้นทำประกันสุขภาพในปัจจุบันก็ยังไม่แพง เพียงปีละ 1 – 2 หมื่นบาท ไม่ต่างจากเก็บเงินเองเท่าไหร่ (ช่วยเพิ่มวินัยเพราะไม่สามารถเอาเงินตรงนั้นออกไปใช้หมุนก่อนได้)
เลือกดูแลสุขภาพแบบไหน ขึ้นอยู่กับความสะดวก
แต่ทั้งนี้ใครจะเลือกวิธีไหนคงต้องเลือกอยู่กับความสะดวก ความรับผิดชอบ และความพึงพอใจของแต่ละคนเลย เราไม่สามารถหักห้ามความคิดของใครได้ แต่ข้อควรรู้สำคัญคืออนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอนเสมอ วันนี้อาจดีพรุ่งนี้อาจป่วยหนัก ดังนั้นต้องรู้จักวางแผนและเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้ดีที่สุด แต่หากให้เราแนะนำเราว่าการเลือกซื้อประกันสุขภาพ น่าจะเป็นอะไรที่ตอบโจทย์มากกว่า ที่สำคัญการซื้อประกันสุขภาพในปัจจุบันยังมีราคาไม่แพงมาก มีแผนประกันให้เลือกมากมายหลายรูปแบบ เพียงแค่ว่าค่ารักษาพยาบาลอาจมีความแตกต่างกันไปตามแผนประกัน
นอกจากนี้การทำประกันสุขภาพ ยังมีผู้เชี่ยวชายด้านการรักษาที่จะคอยให้คำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ไม่เสียผลประโยชน์ และได้รับการรักษาที่ดีอย่างแน่นอน เพราะเรื่องแบบนี้ยิ่งเตรียมตัวเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งให้ผลลัพธ์ด้านบวกมากเท่านั้น สามารถใช้บัตรเครดิตจ่ายค่าประกันได้อีกด้วย แต่หากมีความสะดวกที่จะเลือกเก็บเงินสำรองไว้ด้วยตัวเอง เพราะคิดว่าสามารถบริหารจัดการได้ง่ายกว่า ก็เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคนเช่นกัน